Biotech Thailand is a biomedical & biotechnology directory providing a list of organisations, products & services in the biotech industry.

ADVERTORIALS

    

คีเลชั่นบำบัดกำจัดสารพิษในร่างกาย (Chelation Therapy)



ในยุคที่ทุกคนต้องเผชิญมลภาวะมากมายจากทั่วสารทิศ ทำให้ร่างกายรับสารพิษจากสิ่งแวดล้อมเข้ามาโดยไม่รู้ตัว เมื่อสะสมมากเข้าจะทำให้ร่างกายผลิตสารอนุมูลอิสระที่ส่งผลเสียต่อระบบทำงานของร่างกาย ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา




คีเลชั่นบำบัด คืออะไร
‘คีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy)’ หมายถึง การให้ยาหรือสารเคมีเข้าไปในร่างกายเพื่อกำจัดสารโลหะหนัก เช่น สารตะกั่ว สารปรอท สารหนู และสารโลหะที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ไม่อยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็น เช่น ธาตุเหล็ก ทองแดง สังกะสี ที่จับอยู่ในผนังหลอดเลือดและอวัยวะต่าง ๆ ให้ออกจากร่างกาย ซึ่งสารเหล่านี้ได้เข้าสู่ร่างกายได้หลายช่องทาง ส่งผลให้เกิดการอักเสบในบริเวณที่สะสม และเป็นตัวการสำคัญที่เหนี่ยวนำให้เกิดสารอนุมูลอิสระขึ้นในร่างกาย

สารพิษที่เป็นสาเหตุปัญหาสุขภาพนั้นมีหลายประเภท ดังนี้
1.สารพิษจากสารเคมี ได้แก่ สารปรุงแต่งอาหาร (ทั้งสี กลิ่น รส) ผงชูรส เครื่องสำอาง เช่น แชมพู ยาย้อมผม ลิปสติก ยาทาเล็บ หรือแม้แต่ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งสารพิษเหล่านี้สามารถเข้าทางปาก ทางศีรษะ ทางผิวหนัง ผ่านเข้าทางหลอดเลือดฝอยเข้าไปสะสมในตับ
2.สารพิษจากโลหะหนัก ได้แก่ ควันรถ ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ยาฆ่าแมลง สารตะกั่ว โลหะหนัก หากมีการสะสมของสารพิษประเภทนี้เป็นจำนวนมากอาจส่งผลให้เกิดอาการทางระบบสมองได้
3.สารพิษจากฟอร์มาลีน ได้แก่ อาหารทะเลแช่แข็ง ผักและผลไม้ที่สดกรอบเกินไป ภาชนะบรรจุอาหารหรือเครื่องดื่ม ถุงใส่อาหารร้อน เป็นต้น

ข้อดีของการล้างพิษด้วยคีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy)
• ช่วยกำจัดตะกรันแคลเซียมและโลหะหนักที่ตกค้างของภายในหลอดเลือดได้เป็นอย่างดี ทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ส่งผลให้ลดอัตราเสี่ยงของหลอดเลือดแข็งอุดตันและตีบแคบ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด คีเลชั่นบำบัด (Chelation) ยังช่วยป้องกันโรคความเสื่อมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากระบบหมุนเวียนที่ไม่ดี
• ช่วยหยุดยั้งกระบวนการทำงานของเอนไซม์บางชนิด เช่น เอนไซม์ชนิดที่ควบคุมการรวมตัวระหว่างออกซิเจนกับไขมัน (Lipid per-oxidation) ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
• ช่วยลดสาเหตุที่ก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง
• ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ซึ่งการที่เลือดไหลเวียนดีขึ้น ก็ส่งผลให้การทำงานของต่อมไร้ท่อต่าง ๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะต่อมไทรอยด์ การทำงานสร้างฮอร์โมนดีขึ้น ช่วยให้ร่างกายเเข็งเเรง สดชื่น
• ช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง ลดปริมาณการเกิดอนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุของการชราก่อนวัยอันควร

คีเลชั่นบำบัดเหมาะกับใครบ้าง
• ผู้คนทั่วไปที่ต้องการดูแลสุขภาพ
• ผู้ที่มีความเสี่ยงได้รับโลหะหนัก หรือสารเคมีเป็นประจำ หรือตรวจพบสารโลหะหนักในร่างกายจำนวนมาก
• ผู้ที่รู้สึกร่างกายอ่อนเพลียลง ไม่สดชื่น นอนไม่หลับ
• ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงเป็นโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากพิษของโลหะหนัก เช่น โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เบาหวาน
• ผู้ที่มีพฤติกรรมการกินไม่เหมาะสม เช่น ชอบกินอาหารรสหวานจัด มันจัด เนื้อสัตว์ ของทอด ของปิ้งย่าง
• ผู้ที่มีภาวะเครียดเป็นเวลานาน
• ผู้ที่สูบบุหรี่จัด ดื่มแอลกอฮอล์มาก
• ผู้หญิงที่กำลังวางแผนมีบุตร

ทำคีเลชั่นได้บ่อยแค่ไหน
จำนวนครั้งในการทำของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ปัญหา และผลที่ได้หลังทำของแต่ละคน โดยปกติจะทำประมาณ 10 – 20 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะห่างกันประมาณ 1 สัปดาห์ เนื่องจากต้องมีการควบคุมปริมาณยาให้เหมาะสม

เตรียมตัวอย่างไรก่อนทำคีเลชั่น
แพทย์จะซักประวัติ ตรวจสุขภาพ ตรวจระดับการทำงานของไต และทำการตรวจเบื้องต้นที่เรียกว่า Live Blood Analysis โดยจะเจาะเลือดปลายนิ้ว 1 หยด แล้วนำมาส่องผ่านกล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายสูงและส่งภาพผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อดูความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด และการปะปนของโลหะหนักในเลือด

การปฏิบัติตัวหลังทำคีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy)
• ควรดื่มน้ำหลังทำคีเลชั่นบำบัดปริมาณมาก กฎง่าย ๆ คือ ให้ดื่มน้ำหนึ่งออนซ์ต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม
• งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะและหลังการทำคีเลชั่นบำบัด
• งดสูบบุหรี่ หลังทำคีเลชั่นบำบัด เนื่องจากการสูบบุหรี่จะทําให้ผลการบําบัดด้วย EDTA ด้อยประสิทธิภาพลง

กลุ่มเสี่ยงที่ห้ามทำคีเลชั่นบำบัด
คีเลชั่นบำบัดมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากดังได้กล่าวมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ห้ามทำคีเลชั่นบำบัด ได้แก่
• ผู้ป่วยไตวาย
• หญิงตั้งครรภ์
• ผู้แพ้สาร EDTA
• ผู้มีไข้
• ผู้ที่มีภาวะสมองผิดปกติจากตะกั่วเฉียบพลัน (Acute lead encephapathy)
• ผู้ที่มีภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำกว่าปกติหรือผู้ที่ได้รับการผ่าตัดต่อมไทรอยด์

การทำคีเลชั่นบำบัดควรทำโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมมาแล้วเท่านั้น โดยสถานที่ในการทำต้องมีอุปกรณ์และยาที่พร้อม ได้แก่ มีเตียงพักหรือเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มีที่แขวนน้ำเกลือหรือเสาน้ำเกลือ มียาที่เตรียมพร้อมสำหรับแก้ไขภาวะที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดจากการทำคีเลชั่นบำบัด เป็นต้น


ขอบคุณข้อมูลจาก :
www.honestdocs.co/what-is-chelation-therapy
www.sinotaclinic.com/14
www.pobpad.com/ข้อควรรู้ในการล้างพิษด