Biotech Thailand is a biomedical & biotechnology directory providing a list of organisations, products & services in the biotech industry.

NEWS

    

องค์การอนามัยโลก แนะนำ 7 ประเด็นสำคัญ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ประสิทธิภาพ

“วัคซีนโควิด-19"

7 ประเด็นสำคัญ ที่องค์การอนามัยโลก แนะนำทั่วโลกถึงช่วงเวลาการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในแต่ละกลุ่มประชากร ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล (รพ.)รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผ่านเพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุ 7 ประเด็นสำคัญที่องค์การอนามัยโลกแนะนำทั่วโลกถึงช่วงเวลาการฉีดวัคซีนในแต่ละกลุ่มประชากร รวมทั้งประเภทของ "สายพันธุ์โอมิครอน" ที่ควรนำไปใช้เป็นหัวเชื้อในการผลิตวัคซีนโควิด 19 ชนิดสายพันธุ์เดี่ยวหรือ "วัคซีนโมโนวาเลนต์" ในอนาคต

ที่ปรึกษาสองกลุ่มขององค์การอนามัยโลกคือกลุ่มที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ด้านการสร้างภูมิคุ้มกัน (the World Health Organization’s Strategic Advisory Group of Experts on Immunization:SAGE) และกลุ่มที่ปรึกษาด้านเทคนิคเกี่ยวกับองค์ประกอบของ วัคซีนโควิด-19 (WHO's Technical Advisory Group on COVID-19 Vaccine Composition : TAG-CO-VAC) ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับช่วงเวลาการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับแต่ละกลุ่มประชากรและสายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา 2019 ที่ควรนำมาใช้เป็นหัวเชื้อผลิตวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต เมื่อวันที่ 28 มีนาคม และ 18 พฤษภาคม 2566 ตามลำดับ คำแนะนำดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่องค์การอนามัยโลก ยกเลิกภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขของโควิด-19 เมื่อประมาณสองสัปดาห์ก่อน ( 4 พฤษภาคม 2566)

7 ประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

1. วัคซีนในอนาคตควรมุ่งเป้าไปที่โอมิครอนกลุ่ม XBB.1* (XBB.1.5, XBB.1.16, และ XBB.1.9.1) โดยที่สายพันธุ์ดั้งเดิมของ SARS-CoV-2 กล่าวคือ ไวรัสอู่ฮั่น อัลฟา เบตา แกมมา เดลตา ไม่ควรนำมาใช้เป็นหัวเชื้อผลิตวัคซีนอีกต่อไป เนื่องจากปริมาณการระบาดไหลเวียนติดเชื้อในมนุษย์ทั่วโลกลดลงและภูมิคุ้มกันที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาจะมีประสิทธิภาพต่ำในจับและทำลายโอมิครอนสายพันธุ์ปัจจุบัน

2. วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มีอยู่ เช่น วัคซีนไบวาเลนต์บูสเตอร์ในสหรัฐฯ แม้จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต แต่ก็มีประสิทธิภาพต่ำในการป้องกันการติดเชื้อ โควิด-19 เนื่องจากแอนติบอดีที่ร่างกายสร้างขึ้นมีปริมาณลดลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่เดือนหลังฉีด

3. การแก้ไขแนวทางการให้วัคซีนแนะนำว่าเด็กและวัยรุ่น อายุตั้งแต่ 6 เดือน-17 ปีที่มีสุขภาพดี อาจ "ไม่จำเป็นต้องได้รับวัคซีน" อย่างไรก็ตามผู้สูงอายุและกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงควรได้รับการฉีดเข็มกระตุ้นภายใน 6 ถึง 12 เดือนหลังจากได้รับวัคซีนครั้งสุดท้าย

4. วัคซีนในอนาคตอาจพิจารณาใช้สายพันธุ์ลูกผสมโอไมครอนกลุ่ม XBB.1 และลูกหลาน เพียงชนิดเดียว (โมโนวาเลนต์) เช่น XBB.1.5, XBB.1.16, หรือ XBB.1.9.1 เป็นหัวเชื้อหรือแอนติเจนที่ใช้ผลิตวัคซีน

5. ไม่แนะนำให้ใช้สายพันธุ์เก่ามาเป็นหัวเชื้อร่วมกับสายพันธุ์ใหม่ (ไบวาเลนต์) แม้ผลกระทบทางคลินิกจะยังไม่ชัดเจนแต่มีหลักฐานในหลอดทดลองชี้ชัดว่าหากใช้สายพันธุ์เดิมฉีดกระตุ้นซ้ำๆจะทำให้การสร้างแอนติบอดีของเม็ดเลือดขาวต่อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ด้อยประสิทธิภาพลง (immune imprinting*) จึงควรใช้ไวรัสสายพันธุ์ใหม่เท่านั้นในการผลิตวัคซีนในอนาคต

6. คำแนะนำสำหรับวัคซีนโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามลักษณะการแพร่ระบาดที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

7. องค์ประกอบแอนติเจนของวัคซีน COVID-19 ในอนาคตจะได้รับการประเมินเป็นประจำ โดย TAG-CO-VAC โดยพิจารณาจากวิวัฒนาการของไวรัสโคโรนา 2019 ด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของไวรัสอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ https://www.bangkokbiznews.com/health/well-being/1069484