Biotech Thailand is a biomedical & biotechnology directory providing a list of organisations, products & services in the biotech industry.

NEWS

    

'รพ.วิมุต' ชูเทคโนโลยีวินิจฉัย รักษา โรคทางเดินอาหาร-ตับ ครอบคลุมตรงจุด

“โรคทางเดินอาหาร"

รพ. วิมุต เปิดศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหาร ENDOSCOPY & GI MOTILITY UNIT เดินหน้ากลยุทธ์การยกระดับมาตรฐาน การรักษาโรคยาก-ซับซ้อนให้ตรงจุดและครอบคลุม ผนึกทีมแพทย์-เทคโนโลยีทันสมัย วินิจฉัย รักษาผู้ป่วยโรคทางเดินอาหาร-ตับ

สถานการณ์ของโรคระบบทางเดินอาหารและตับที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเกิดจากหลากหลายปัจจัยเสี่ยง ทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต สิ่งแวดล้อม รวมถึงพันธุกรรม โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่วิถีชีวิตเปลี่ยนไปทำให้พบปัญหามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกรดไหลย้อน กระเพาะ ลำไส้แปรปรวน ถุงน้ำดี รวมถึงมะเร็งกระเพาะอาหารและทางเดินลำไส้ ขณะเดียวกัน หลายครั้งที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัวและมาพบแพทย์ในช่วงที่อาการหนัก ทำให้การรักษามีความยากขึ้น

นายแพทย์กุลเทพ รัตนโกวิท แพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบทางเดินอาหารและตับ ระบบประสาทและการเคลื่อนไหวทางเดินอาหาร หัวหน้าศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลวิมุต กล่าวในงานเปิดตัว ‘ศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหาร’ ถึงความท้าทายในการรักษาโรคระบบทางเดินอาหารและตับว่า โรคทางเดินอาหารส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรม ปัจจุบันผู้คนมีความเร่งรีบมากขึ้น บางคนเข้าห้องน้ำไม่ทัน ทานข้าวเช้าไม่ทัน ทานข้าวไม่ตรงเวลา ทานอาหารก่อนนอน

“นายแพทย์กุลเทพ

แค่พฤติกรรมข้างต้น ก็ส่งผลให้เกิดโรค 2-3 โรค เช่น ท้องผูก กระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน ดังนั้น พฤติกรรมในแต่ละวันมีผลมากที่ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร รวมไปถึง ความเครียด กังวล การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ทั้งหมดมีความสัมพันธ์กันทั้งพฤติกรรม จิตใจ และตัวโรค

“โรคทางเดินอาหารและตับถือเป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่อาจมาเยือนทุกคนได้อย่างไม่รู้ตัว อาการเจ็บป่วย อย่างเช่น แสบยอดอก กลืนลำบาก ปวดท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย หรือการขับถ่ายที่ไม่ปกติ หากไม่สังเกตและเข้าปรึกษาแพทย์ไม่ทัน อาการอาจเรื้อรัง ก่อให้เกิดผลแทรกซ้อน หรือ มีความรุนแรงขึ้นจนอันตรายถึงชีวิตได้ หรือทำให้ผู้ป่วยพบโรคในวันที่สาย โรคบางชนิดมีอาการแทรกซ้อนอยู่มากมาย จึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ละเอียดแม่นยำเพื่อความปลอดภัย”

ตรวจเจอไว รักษาทัน

นายแพทย์กุลเทพ กล่าวต่อไปว่า กลุ่มอายุที่ป่วยโรคทางเดินอาหาร จะพบในแต่ละกลุ่มแตกต่างกันไป เช่น โรคเกี่ยวกับลำไส้แปรปรวน ส่วนใหญ่จะเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชายในสัดส่วน 4 ต่อ 1 พบในวัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน ขณะที่โรคอื่น เช่น โรคกระเพาะ ส่วนใหญ่จะพบในวัยทำงาน ส่วนท้องผูก พบได้แทบทุกวัยตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป แต่สิ่งที่ต่างกัน คือ สาเหตุของอาการในแต่ละช่วงอายุ ขณะที่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ พบเป็นอันดับ 3 ในเพศชาย และ อันดับ 2 ในเพศหญิง ซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศไทยแต่ทั่วโลกเป็นเหมือนกัน

สำหรับผู้ป่วยที่เข้ามาตรวจวินิจฉัย จะพบทั้งโรคในระยะที่เริ่มเป็น ระหว่างเป็น และเริ่มมีอาการมาก แต่ความเป็นจริงสิ่งที่ทางแพทย์อยากเห็น คือ อยากให้มาพบแพทย์ตอนที่เริ่มเป็น อย่างไรก็ตาม ต้องอาศัยความเข้าใจพอสมควร เพื่อให้จัดการกับโรคได้ตั้งแต่ต้น สุดท้ายเมื่อเข้าใจแล้วมาตรวจไม่เป็นอะไรก็เป็นเรื่องดี

“เทคโนโลยีวินิจฉัย"

“ทุกวันนี้เมื่อค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต สิ่งแรกที่เจอ คือ โรคมะเร็ง แต่ในความเป็นจริงอาการป่วยมีรายละเอียดมากกว่านั้นเยอะ อาจจะไม่ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งเสียทีเดียว หากพบความผิดปกติและมาพบแพทย์เร็ว อาจจะแค่ปรับพฤติกรรม ไม่ต้องถึงกับรักษาและใช้ยา”

อาการบ่งชี้สำหรับโรคทางเดินอาหาร

- ปวดท้องบ่อยๆ

- แสบร้อนกลางหน้าอก อาหารไม่ย่อย จุกเสียด แน่นท้องบริเวณลิ้นปี่

- ท้องอืด ไม่สบายท้อง

- อาเจียนเป็นเลือด

- ถ่ายปนเลือด

- ลักษณะการขับถ่ายผิดปกติ

- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งในทางเดินอาหารตอนอายุต่ำกว่า 50 ปี

- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้

- น้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ

อาการบ่งชี้สำหรับโรคตับ

- มีประวัติป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี

- มีประวัติญาติหรือคนในครอบครัวเป็นมะเร็งตับ

- ติดแอลกอฮอล์เรื้อรัง

- มีประวัติตรวจค่าการทำงานของตับผิดปกติ

- ตัวเหลือง ตาเหลือง

“เทคโนโลยี"

เทคโนโลยี ตรวจ รักษาตรงจุด

ล่าสุด รพ.วิมุต ตอกย้ำความเป็น Trusted Healthcare Platform เดินหน้าเปิดศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหาร (ENDOSCOPY & GI MOTILITY UNIT) เร่งผลักดันการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคยากและซับซ้อนที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ พร้อมชู 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

- การยกระดับการรักษาที่ครอบคลุมด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์

- การใช้นวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูง

- การมอบบริการที่ครอบคลุมทั้งที่โรงพยาบาลและทางออนไลน์ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม

เสริมแกร่งระบบบริการของโรงพยาบาล ทั้งการป้องกันโรค ตรวจวินิจฉัย ติดตามอาการ รายงานผล และรักษาให้สะดวกรวดเร็ว เพื่อตอบโจทย์สังคมและไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ พร้อมรองรับผู้ใช้บริการทั้งกลุ่มคนไทยและคนต่างชาติ ดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมในแบบองค์รวม (Holistic Care) ตั้งแต่การป้องกันจนถึงการรักษาที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ตั้งเป้าลดการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตจากโรคยาก-ซับซ้อนในสังคมไทย โดยนำเทคโนโลยีการรักษา อาทิ

- Anorectal Manometry และ Biofeedback Therapy ในผู้ป่วยท้องผูก หรือ กลั้นอุจจาระไม่ได้

- Esophageal Manometry ในผู้ป่วยที่มีภาวะ กลืนลำบาก เจ็บหน้าอกที่ไม่ได้มาจากโรคหัวใจ หรือก่อนการผ่าตัดรักษาหูรูดหลอดอาหาร

- การวัดกรดในหลอดอาหาร (PH Monitoring) ในผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาแล้วไม่ดีขึ้นหรือ อาการไม่ชัดเจน

- การส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร

- การตรวจ colonic transit study ในผู้ป่วยที่สงสัยภาวะลำไส้เคลื่อนตัวช้า

- การตรวจหาภาวะพังผืดในเนื้อตับและตรวจวัดปริมาณไขมันสะสมในตับ (Fibro Scan)

ตลอดจนการคัดกรองมะเร็งทางเดินอาหาร เนื่องด้วยปัจจุบันมะเร็งลำไส้ใหญ่ในประเทศไทยพบมากเป็นอันดับ 2 ในเพศหญิง และอันดับ 3 ในเพศชาย และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้จะสามารถป้องกันหรือช่วยให้ตรวจพบมะเร็งระยะเริ่มต้นได้เพื่อการรักษาที่ทันท่วงที

“นายแพทย์สมบูรณ์

นายแพทย์สมบูรณ์ ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวเสริมว่า โรงพยาบาลวิมุต ตั้งเป้าหมายเป็นโรงพยาบาลเอกชนทางเลือกชั้นนำสำหรับผู้ป่วยโรคยากและซับซ้อน เพื่อลดช่องว่างในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของประชาชนคนไทย พร้อมเผยแผนการขยายธุรกิจจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้น ในอนาคตมีแผนขยายฐานไปสู่กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ โดยปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าจากประเทศต่างๆ เดินทางมารักษา ได้แก่ กัมพูชา พม่า จีน อินเดีย และอื่นๆ รวมถึงกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่อาศัยและทำงานอยู่ในประเทศไทย ที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โดยมีอัตรากลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเติบโตสูงขึ้นคิดเป็น 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

“คาดว่าหลังจากเปิดศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหารอย่างเป็นทางการแล้ว จะมียอดเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก โดยทางเราพร้อมเดินหน้าและขับเคลื่อนการเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา เพื่อลดอัตราการสูญเสีย พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมแบบองค์รวมได้ดียิ่งขึ้น”

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ https://www.bangkokbiznews.com/health/well-being/1076467